
สคบ. เผยข้อแตกต่างระหว่าง การขายตรง กับ แชร์ลูกโซ่
ลักษณะของธุรกิจแชร์ลูกโซ่
- มีการชักชวนประชาชนให้สมัครเป็นสมาชิกให้ร่วมเข้าเป็นเครือข่าย โดยโดยจะไม่มุ่งเน้นในการจำหน่ายสินค้าหรือบริการ
- ผลตอบแทนจากธุรกิจมาจากการหาสมาชิกมาเข้าร่วมลงทุนเพิ่ม ไม่ได้มาจากการจำหน่าย สินค้าหรือบริการ
-
มีการเก็บค่าสมัครสมาชิกค่อนข้างสูง และจะมีการให้ซื้อสินค้าที่มีคุณภาพต่ำ
-
มีการดำเนินงานอย่างเป็นขบวนการ มีแม่ทีมในการออกหาสมาชิกเพิ่ม
ลักษณะของธุรกิจขายตรง
- ค่าธรรมเนียมในการเริ่มต้นธุรกิจมีอัตราไม่สูงมาก เป็นค่าสมัคร จ่ายเพื่อเอกสารคู่มือ ความรู้ เอกสารอบรมและผลิตภัณฑ์ตัวอย่างสินค้าเท่านั้น
- สินค้าจะมีคุณภาพสูง ยอดขายจะมาจากการจำหน่ายสินค้า เน้นที่ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ มีการรับประกันสินค้าโดยการคืนเงิน และจะมีการเปลี่ยนสินค้าหรือขายสินค้าคืนบริษัทได้
-
การจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนจะขึ้นอยู่กับการทำงานของคนขาย และยอดขาย ซึ่งหมายถึงรายได้หรือผลประโยชน์ตอบแทนมาจากการขายสินค้า
-
ธุรกิจขายตรงที่ถูกกฎหมายมีโอกาสเติบโตได้เสมอ เนื่องผู้บริโภคจะมีการซื้อสินค้าซ้ำเพราะ พอใจในสินค้า บริษัทจึงสามารถออกสินค้าใหม่เพื่อขยายตลาดได้
- การได้ความคุ้มครองทางกฎหมาย โดยผู้บริโภค ผู้ขาย และบริษัทขายตรงจะได้รับความคุ้มครองตาม กฎหมาย (พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545) ซึ่งผู้ประกอบการที่จะทำธุรกิจขายตรงจะต้องขอจดทะเบียน ณ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
ทั้งนี้หากพบรูปแบบขบวนการแชร์ลูกโซ่ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่
- กรมสอบสวนคดีพิเศษ
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
- สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
- สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือสายด่วน สคบ. 1166